กระแสสุขภาพและความงามที่กำลังมาแรง
ทำให้ปัจจุบันคนหันมาสนใจอาหารเสริมกันมากขึ้น เช่น
ถ้าอยากผิวสวยต้องกินสารสกัดจากปลาทะเลน้ำลึก ไม่อยากเป็นหวัดต้องกินวิตามินซี
แต่คงดีต่อสุขภาพมากยิ่งขึ้น หากเรารู้หลักการทำงานที่แท้จริงของอาหารเสริม
จะได้เลือกทานอย่างถูกวิธี
ไม่เป็นโทษต่อร่างกาย ศาสตราจารย์ อลันโลแกน
แห่งมหาวิทยาลัยแพทย์ฮาร์วาร์ด (HMS-CME) ได้กล่าวว่าอาหารเสริม (supplements) คือ
สิ่งที่มาช่วยเติมเต็มสารอาหารให้แก่ร่างกายเท่านั้น
ไม่ใช่อาหารที่สามารถกินแทนมื้อหลักได้ สามารถแบ่งออกเป็น 4 ประเภทใหญ่ ๆ
ได้ดังนี้คือ 1.
มัลติวิตามิน (Multivitamins)
เป็นอาหารเสริมที่รวมวิตามินและแร่ธาตุสำคัญที่ร่างกาย
ควรได้รับในแต่ละวัน มีส่วนประกอบหลักคือแคลเซียม และธาตุเหล็ก
เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการบำรุงร่างกายให้สดชื่นกระฉับกระเฉง
มีพลังงานในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักหรืออยู่ในช่วงควบคุมอาหาร
และในทางสูตินรีแพทย์นิยมให้วิตามินชนิดนี้แก่ผู้ป่วยสตรีตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงควบคุมอาหาร
เพื่อเพิ่มเติมความสมบูรณ์ของครรภ์มารดาอีกด้วย
มัลติวิตามินที่เป็นที่นิยมกินเป็นอาหารเสริม คือ
วิตามินบีคอมเพล็กซ์ 2.
โพรไบโอติก (Probiotics)
ร่างกายควรได้รับอาหารเสริมจำพวกจุลินทรีย์และแบคทีเรีย
เพื่อประโยชน์ในการย่อยอาหารอีกทั้งยังช่วยให้เกิดความสมดุลของระบบการทำงานของอวัยวะภายในร่างกายได้อีกด้วย
อาหารเสริมประเภทนี้ได้แก่ ไฟเบอร์ โยเกิร์ต นมเปรี้ยว 3. สารสกัดจากพืช (Herbal)
อาหารเสริมที่ได้จากสารสกัดจากพืชช่วยให้เราบริเวณได้ง่ายขึ้น
ร่างกายยังสามารถดูดซึมไปใช้ประโยชน์ได้ในทันที เช่น ขมิ้นชันอัดเม็ด
ช่วยลดไขมันในเส้นเลือด สารสกัดจากใบแปะก๊วยอัดเม็ด ช่วยบำรุงสมองและความจำ เป็นต้น
โดยส่วนต่าง ๆ ของพืชที่นำมาสกัดคือ ต้นอ่อน (ยอดใบ) ราก ดอก ผล ก้าน ใบ
อาหารเสริมประเภทนี้ไม่สะสมในร่างกายและไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงใด
ๆ 4. กรดอะมิโน (Amino
acid) อาหารเสริมจำพวกกรดอะมิโน คือหน่วยย่อยโปรตีน
ที่หน้าที่บำรุงเส้นผม ผิวพรรณ ข้อต่อ กล้ามเนื้อ และเซลล์เนื้อเยื่อ
ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกาย
อาหารเสริมจำพวกนี้ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโต อาหารเสริมยอดนิยมประเภทนี้คือ
น้ำมันสกัดจากปลาทะเลน้ำลึก และน้ำมันสกัดจากเมล็ดพืช
อาหารเสริมพื้นฐานที่ควรเลือกบริโภค 1.
วิตามินบีคอมเพล็กซ์ (Vitamin B-comples) คืออาหารเสริมที่รวมตั้งแต่ บี 1
ถึง บี 12 ที่ประกอบไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระเป็นส่วนใหญ่
ซึ่งสำคัญต่อระบบประสาทและสมอง ที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดพลังงานแก่ร่างกาย
ผู้ใหญ่ควรบริโภคประมาณ 50-100 มิลลิกรัมต่อวันในทุกเช้า
2.
วิตามินซี (Vitamin C)
เป็นวิตามินที่ตับของมนุษย์ไม่สามารถผลิตออกมาได้เอง
จึงจำเป็นที่จะต้องเติมเต็มเข้าสู่ร่างกาย
และเป็นวิตามินที่ละลายในน้ำจึงไม่สะสมอยู่ในร่างกาย สามารถแบ่งกินระหว่างวันได้ทุก
ๆ 6 ชั่วโมง ปริมาณบริโภคที่แนะนำคือ 60-90
มิลลิกรัมต่อวันช่วยป้องกันการขาดสารอาหาร และปริมาณ 3,000 ถึง 6,000
มิลลิกรัมต่อวัน ช่วยบำรุงร่างกาย วิตามินซีช่วยบำรุงระบบการไหลเวียนเลือดให้ดีขึ้น
ช่วยลดปัญหาในช่องปากและฟัน เช่น เลือดออกตามไรฟันบำรุงเหงือก
3.
ซิงก์ (ZINC) เป็นแร่ธาตุที่ส่งผลต่อระบบสืบพันธุ์และฮอร์โมนเพศ
และช่วยชดเชยพลังงานที่สูญเสียไปกับเหงื่อ มีสารประกอบเมทัลโปรตีน
ซึ่งเป็นโปรตีนสังเคราะห์ที่ช่วยในกระบวนการเจริญเติบโตของเซลล์ และเนื้อเยื่อ
ปริมาณบริโภคที่แนะนำต่อวันคือ 5.5-9.5 มิลลิกรัมในผู้ชาย และ 4-7
มิลลิกรัมในผู้หญิง ควรกินพร้อมอาหาร
หากกินเพียงอย่างเดียวขณะท้องว่างอาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ได้
4.
โอเมก้าทรี (Omega-3) เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่สกัดจากปลาทะเล
และพืชจำพวกถั่ว เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะถูกเปลี่ยนเป็นดีเอชเอ (DHA)
โดยอวัยวะตับ แต่จากผลการวิจัยขององค์การความปลอดภัยของอาหารแห่งยุโรป (EFSA)
ไม่พบหลักฐานชัดเจนว่าช่วยบำรุงสมองในเด็ก
แต่จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กระดูกและไขข้อต่างๆ ช่วยลดสภาวะจิตใจหดหู่
ลดคอเลสตอรอลในเลือด
และลดอัตราเสี่ยงเป็นโรคหัวใจปริมารบริโภคที่แนะนำคือไม่ควรเกิน 1,000
มิลลิกรัมต่อวัน
5. เวย์โปรตีน (Whey protein)
เป็นอาหารเสริมที่สกัดได้จากหางนม และผลิตภัณฑ์จากสัตว์เช่น ชีส เนื้อแดง
จึงเหมาะกับผู้กินชีวจิต และผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก
เพราะมีโปรตีนสูงช่วยเผาผลาญไขมัน เพิ่มมวลกล้ามเนื้อ ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ
และยังช่วยกรองระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือด
โดยการควบคุมการดูดซึมอินซูลินเข้าสู่กระแสเลือด ปริมาณที่ควรบริโภคต่อวันคือ
ไม่เกิน 1 หรือ 2 กรัม
เหตุผลที่ควรกินอาหารเสริม
1.
มีพฤติกรรมการใช้ชีวิตแย่ เช่น สูบบุหรี่จัด หรือติดแอลกอฮอล์ ไลฟ์สไตล์เช่นนี้
เทียบได้กับการสะสมพิษที่ส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว
และยังมีพฤติกรรมที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ เช่น กินอาหารไม่เป็นเวลา
การกินอาหารแบบเร่งรีบจึงเคี้ยวไม่ละเอียด กินอาหารด้วย อาการเครียด
พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้ร่างกายกายดูดซึมสารอาหารไม่ได้เต็มที
2.
ภาวะร่างกายสูญเสียพลังงาน เช่น หญิงตั้งครรภ์ หญิงสูงอายุ หญิงวัยหมด ประจำเดือน
หรือร่างกายปฏิเสธไม่รับอาหาร เพื่อใช้ในการสะสมความแข็งแรง
เติมความสมบูรณ์ให้กับร่างกาย
3. อยู่ท่ามกลางสภาวะเป็นพิษ เช่น
ร่างกายสะสมมลพิษไว้ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ส่งผลให้ภูมิต้านทานอ่อนกำลังลง
และใช้เวลานานกว่าร่างกายจะขับออกมหดทำให้สุขภาพอ่อนแอง่ายกว่าปกติ
4.
กระบวนการแปรรูปอาหาร เช่น การกินอาหารในภัตตาคาร หรือในร้านอาหารตามสั่งเป็นประจำ
ซึ่งเราไม่สามารถรู้ได้ว่ามีสิ่งแปลกปอลมใดเพิ่มเติมมาในจานอาหารทำให้เราไม่ได้รับสารอาหารครบถ้วน
อาหารเสริมที่เหมาะกับตัวเองคือ
อาหารเสริมที่ช่วยบำรุงสุขภาพของเราให้ดีขึ้น ช่วยฟื้นฟูปัญหาสุขภาพได้อย่างตรงจุด
เช่น อาการนอนไม่หลับ อาการอ่อนเพลีย หรือแม้แต่การช่วยเพิ่มพลังงานให้แก่ร่างกาย
เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายให้แข็งแรง และที่สำคัญคือ
ต้องปลอดภัยต่อสุขภาพกระดูก ตับและระบบประสาทของเราด้วย สิ่งสำคัญในการบริโภค คือ
ควรกินตามปริมาณบริโภคที่แนะนำต่อวัน
หากเกินปริมาณที่กำหนดไว้อาจส่งผลข้างเคียงต่อร่างกายได้ |
|
No comments:
Post a Comment